สวัสดีครับทุกท่านวันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องๆ หนึ่งที่หลายคนอยากรรู้นั่นก็คือเรื่องที่ว่าตอนนี้ราคาบ้านภูเก็ตกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและพอจับได้ซึ่งถ้าหากว่าเราซื้อมันในตอนนี้เอาไว้แล้วเราจะสามารถทำอะไรกับมันได้บ้างเพราะไอ้ครั้นจะไปอยู่ที่บ้านภูเก็ตก็มีบ้านที่กรุงเทพอยู่แล้วซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับขอเพียงคุณมีบ้านภูเก็ตรับรองได้ว่าทำอะไรได้อย่างเลยทีเดียวเชียวครับ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าตอนนี้ภูเก็ตได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้วดังนั้นถ้าหากเรามีบ้านอยู่ที่นั่นก็ไม่ต้องกลัวจะทิ้งไว้เปล่าๆ ไม่ทำกำไรครับเพราะเราสามารถปล่อยมันเช่าให้เป็นที่พักของนักท่องเที่ยวที่เราเรียกกันว่า guest house ได้ครับรับรองได้ว่ามีรายได้ตลอดอย่างแน่นอนเพราะภูเก็ตนั้นเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดทั้งปีอยู่แล้ว
ส่วนคนที่กลัวหากปล่อยให้เป็นบ้านเช่าแล้วผู้เช่าจะทำบ้านเลอะ สกปรก ไม่ดูแลแล้วล่ะก็ผมของแนะนำให้ดัดแปลงมันเป็นร้านขายอาหารหรือร้านขายกาแฟเครื่องดื่มครับเพราะร้านแนวนี้ชาวต่างชาติจะชอบมาใช้บริการเป็นอย่างมากซึ่ถ้าหากเราเปิดมันขึ้นมาโอกาสที่จะขาดทุนนั้นแทบจะเป็นศูนย์เลยครับ
และวิธีทำกำไรวิธีสุดท้ายก็คือปล่อยให้ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 เช่าเปิดร้านจะทำสัญญา 3 ปี 5 ก็ว่ากันไปครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องแน่ใจว่าบ้านของเราอยู่ในพื้นที่ๆ มีนักท่องเที่ยวนะครับ ถ้าหากห่างไกลความเจริญแล้วล่ะก็เป็นอันหมดสิทธิ์
สำหรับบทความต่อไปนี้ต้องบอกว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะซื้อคอนโดตามป้ายประกาศขายคอนโดที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้าหรือป้ายบิลบอร์ดต่างๆซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าหากซื้อตามป้ายประกาศขายคอนโดที่ติดตามเสาไฟแล้วจะได้ในราคาที่ถูกเพราะเขาลงราคาไว้ไม่แพงมากแถมยังมีโปรโมชั่นต่างๆ มากมายเช่นแถม โทรศัพท์มือถือไอโฟน, แถมแอร์, แถมทีวีหรือแม้แต่แถมเฟอร์นิเจอร์ครบชุดก็ยังมีดังนั้นจึงได้ตัดสินใจจองทำสัญญา
แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ อยู่ตรงที่ว่าพอเราเข้าไปทำสัญญาเรียบร้อยแทนที่จะได้ของแถมแบบที่บอกไว้โดยเฉพาะพวกโทรศัพท์หรือแทบเล็ตต่างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องผ่อนไปอย่างน้อย 1-2 ปีหรือไม่ก็ต้องวางเงินเลยอย่างต่ำแสนสองแสนจึงจะได้ของแถมที่ว่ามาซึ่งต้องบอกว่าเสียความรู้สึกมากๆ ครับ จะไปว่าเขาหลอกลวงก็ไม่ได้เพราะทางฝ่ายขายโครงการเองก็มีการระบุหมายเหตุเอาไว้อย่างชัดเจนเพียงแต่ตัวเล็กถึงเล็กมากแทบจะมองไม่เห็นนี่แหละครับอุทาหรณ์ที่คนคิดจะซื้อคอนโดที่ติดป้ายประกาศตามคอนโดตามเสาไฟฟ้าเพราะเห็นแก่ของแถมพึงระวัง
ในกรณีนี้เคยมีคนนำเรื่องไปฟ้อง สคบ.แล้วนะครับซึ่งทาง สคบ.ก็รู้ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมกลโกงทางการตลาดในการชวนเชื่อขายสินค้าแต่ไม่สามารถรับฟ้องและดำเนินคดีกับทางเจ้าของโครงการได้เพราะเนื่องจากว่ามีหมายเหตุเงื่อนไขต่างๆ ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดที่ทำได้ก็แต่เพียงออกข่าวเตือนคนให้ระวังเอาไว้เท่านั้นเองครับ
วันนี้ผมเองได้มีโอกาสอ่านประมวลกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีการพิจารณาคดีๆ หนึ่งที่ผมคิดว่ามีความน่าสนใจมากวันนี้เลยอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ทุกท่านได้รับฟังกันซึ่งก็คือเรื่องของการที่เราซื้อบ้านมือสองแล้วใครกันต้องเป็นฝ่ายออกค่าโอน???
เรื่องของเรื่องในคดีนี้มีอยู่ว่านาย ก. ได้มีโอกาสมองหาบ้านมือสองและตกลงใจที่จะซื้อบ้านของนาย ข. ด้วยสาเหตุที่นาย ข. นั้นประกาศขายบ้านในราคาถูกและใช้คำประกาศชวนเชื่อว่า “300,000 บาทเข้าอยู่ได้เลย” แต่เมื่อถึงวันนัดจ่ายเงินและทำสัญญาจริง นาย ข.เองกลับไม่ยอมพร้อมกับบอกว่านาย ก.ต้องเป็นผู้ชำระค่าโอนบ้านเองเพราะราคานี้ราคาถูกอยู่แล้วเรื่องจึงได้ไปถึงมือศาลให้พิจารณาคดี
ในคดีนี้ทางศาลได้พิจารณาจากหลักฐานต่างๆ แล้วก็มีข้อสรุปที่ค่อนข้างชัดเจนว่าค่าโอนบ้านมือสองที่นาย ก. ซื้อมาจากนาย ข. นั้น นาย ก. ไม่จำเป็นต้องจ่ายแต่อย่างใดโดยศาลให้เหตุผลจากข้อความที่ นาย ข. เขียนไว้คือ 300,000 บาทเข้าอยู่ได้เลยนั่นเอง
เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์อย่างดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อขายบ้านมือสองว่าก่อนที่จะโฆษณาหรือทำสัญญาอะไรควรที่จะศึกษาให้ดีและตกลงกันให้รัดกุมเสียก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลาและเสียความรู้สึกทั้งผู้ซื้อและผู้ขายดังเช่นกรณีตัวอย่างที่ยกมานี้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากพูดถึงความยุติธรรมแล้วการออกค่าโอนบ้านคนละครึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันครับ
บริการสังคม ข้อมูลสินค้าและบริการ